เหตุผล 10 สิ่ง ที่บ่งบอกว่าเพื่อนสมัยมัธยมคือเพื่อนที่ดีที่สุด
1 ไม่มีเปลือก มีแต่ตัวตนจริงๆ ใครเป็นใคร อ ย่ า ง ไร เห็นกันหมด ใครเรียนเก่ง
ใครอ่อน ใครโง่ ฉลาด ขยัน ข ี้เกียจ แม่กระทั่ง พ่อแม่เป็นใคร มีสตางค์
หรือไม่มี รู้กันหมด ไม่ต้องมาทำฟอร์มใส่กัน
2 ไม่มีผลประโยชน์ เพื่อนสมัยมัธยม ไม่มีผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้อง
คบกันได้เพราะ มึ ง กับ ก ู เหมือนๆกัน ไม่ใช่เพราะจะพึ่งพา อะไรกันมากมาย
อ ย่ า ง ดีก็แค่ ขอก ูลอก การบ้าน มึ ง หน่อย พอเอาไปส่งครู ตอบผิดด้วยกันทั้งคู่เลย
ก็มีบ่อยๆ เพราะไปลอกของมัน ดีมั๊ยดี ทำเองยังอาจจะ ถูกบ้างบางข้อ
3 รู้จักกันถึงพ่อ ถึงแม่ ถึงพี่น้อง บ้านช่อง รู้ใส้ รู้พุงพุงกันหมด สนิทกับแบบ
ไม่มีอะไรปิดกั้น สนิทกันขนาดเรียกชื่อ เพื่อนเป็นชื่อพ่อมัน จนกระทั่ง
เรียนจบก็มี บางทีเรียกชื่อมัน ซึ่งเป็นชื่อพ่อเพื่อน พ่อมันขานเราก็มี
เพราะพ่อมัน นึกว่าเรียกเขา ที่ดีคือ เพื่อนมันไม่เคยโกรธเลย
4 หัดจีบสาวพร้อมๆกัน ด้วยลีลาที่นึกถึงทุกวันนี้ ยังเกิดคำถามกับตัวเองว่า
ก ูทำไปได้ยังไง แต่ก็เป็นการจีบ แบบใสๆซื่อๆ ทั้งๆที่รู้ว่า จีบไปก็เท่านั้น
เหมือนหมาเห็น ปลากระป๋องยังไงยังงั้น เล่ากันเมื่อไหร่ ก็ฮากันเมื่อนั้น
บางทีนึกดีใจด้วยซ้ำ ที่ไม่จีบเป็นจริงเป็น จังจนขอแต่งงาน เพราะมาเจออีกที
หลังเกษียณ แก่ไม่มีที่ติจริงๆ จริงๆ ก็แก่ทั้งคู่นั่นแหละ ระหว่างเรากับเขา
5 ทำอะไรโง่ๆเหมือนกัน วัยมัธยมเป็นวัยรอยต่อ ของความเป็น เ ด็ ก กับวัยรุ่น
ที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ จึงมีเรื่องโง่ๆ ให้ทำเยอะมาก ทุกคนในกลุ่มที่คบกัน
จะมีเรื่องโง่ๆให้ทำ แตกต่างกันออกไป จนไม่มีใครดูฉลาดกว่า กันในสายตา
ของผู้ใหญ่ เพราะคิดทำการแต่ละเรื่อง มีแต่เรื่องโง่ๆ ทั้งนั้น มันเลยคบกัน
ได้มา ย า ว นาน เพราะไม่ต้องมีใคร อายใครนั่นเอง
6 กิน นอน เที่ยว ด้วยกัน วัยมัธยม เป็นวัยที่ ติ ด กันยังกับตังเม ไปไหนไปกันเป็นฝูง
เกาะกลุ่มกันแน่น กินก็กินด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่ค่อย จะมีอะไรให้กิน นอนก็นอน
เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยกัน หลับได้เพราะเพลีย ที่ไปทำทะโมนมาทั้งวัน
ความผูกพันมันจึงถูก หล่อหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกัน วันละนิด ละหน่อย จนแยกกันไม่ออก
7 โดนครูดุ ด่า ทำโทษมาด้วยกัน จนไม่เหลือ ย า ง อายอะไรให้อายอีกแล้ว
ใหม่ๆอาจจะอายเพื่อน สนิทที่เป็นผู้หญิงเป้าหมายตา ที่อยู่ในห้องเดียวกัน
พอนานเข้า ทั้งเขาและเราก็ชินกันไปเอง จนไม่มีใครอายใคร
8 มีอดีตและวีร ก ร ร ม ร่วมกันมา ย า ว นาน เพื่อนที่คบกัน มาจนสนิท แนบแน่น
จะมีประวัติศาสต์ หรือวีร ก ร ร ม ที่ร่วมทำกันมามากมาย หลายรสชาติ
จนเล่ากี่ครั้งก็ไม่มีวันหมด ทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมเยียน สถาบันที่เคยเล่าเรียนกันมา
ก็จะจดจำ ภาพได้ทุกภาพ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน มะม่วงต้นไหนที่ใครเคยปีน
ใครโดนครู ทำโทษตรงไหน อ ย่ า ง ไร ฯลฯ จำได้หมด
ล้วนเป็นวีร ก ร ร ม แบบโง่ๆไม่แตก ต่างกันเท่าไหร่
9 ขอเงินกันกินขนม แทนการขอยืม ด้วยที่สมัยนั้น ทุกคนได้เงินมา
โรงเรียนไม่มากมายอะไร แค่หลักสิบบาทเท่านั้น จะต่างกันไปตามฐานะ
ของแต่ละบ้านบ้าง แต่ก็ไม่กี่บาทความอดอย ากปากแห้ง จึงมาเยือนชนิด
ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ การขอเงินเพื่อนกินขนม หรืออเมริกัน แ ช ร์
หรือให้เพื่อนเลี้ยง จึงเป็นเรื่องปกติ การขอยืม เงินเพื่อนสมัยนั้น
ไม่ค่อยมี ให้เห็น มีแต่ ขอเลย หรือ ขอลืมเท่านั้น
10 เรามาพบเจอกัน ในแต่ละครั้งหลัง จากจบการศึกษา เราได้เห็นวิวัฒนาการ
และการเติบโต ของเพื่อนในกลุ่มแต่ละคน พร้อมกับได้รื้อฟื้นความหลัง
ความทรงจำเก่า ที่เราร่วมทำกันมา นัยหนึ่งก็เหมือนเป็น การลดอัตตา
ตัวตนของตนเอง ไปในเวลาเดียวกันว่า ไม่ว่าวันนี้ทุกคน จะมาไกลแค่ไหน
แต่เราก็มี จุดเริ่มต้นที่ไม่ต่างกันคือ ความเป็นเพื่อนที่ไม่มีกีดขวางระหว่าง มึ ง กับก ูไปได้เท่านั้นเอง
ขอขอบคุณที่มา ดร.พนม ปีย์เจริญ, kubkhao