5 ประเภท ของคนถ้าไม่ยอมปรับตัว ในอนาคตข้างหน้าอาจตกงานได้
1 คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ
พนักงานที่ต้อง ทำงานแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เช่น แพคของ ประกอบชิ้นส่วน จัดเรียงสินค้ าในคลัง
งานที่อาศัยแค่การจับวา ง ให้เข้าที่ไม่ได้ใช้การคิด วิเคราห์หรือการตัดสินใจใดๆ
เรียกว่า ทำงานด้านเดียวคล้ายๆ หุ่นยนต์ จึงไม่แปลกเลยหากจะถูกแทน ที่ด้วยหุ่นยนต์จริงๆ
เพราะว่า หุ่นยนต์ไม่เรียกร้อง ขึ้นเงินเดือน ไม่ข าด ลา มาสาย ไม่บ่น
ไม่หยุดงานประท้วง ไม่เรียกร้อง สวัสดิการเพิ่ม
2 คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น
บริษัทต่างชาติ แห่งหนึ่ง ให้เงินผู้สมัครงาน 75 บาท ให้พวกเขา ไปหาข้าวกินด้วยกัน
เมื่อผู้สมัครทั้ง 6 คนไปถึงร้านอาหาร ปรากฎว่าข้าวจาน หนึ่งราคา อ ย่ า ง ต่ำ 15 บาท
เงินที่พวกเขามีไม่พอ ที่จะนำซื้อข้าวคนละจาน พวกเขาก็เลย กลับไปที่บริษัท พอถึงบริษัท
ประธานบริษัท รู้เข้าก็ส่ายหน้า แล้วพูดกับพวกเขาว่า ขอโทษด้วย พวกคุณไม่เหมาะกับ บริษัทเรา
คุณรู้ไหม ร้านอาหารร้านนั้น มีโป รโมชั่ นซื้อ 5 แถม 1 ไม่ได้อ่านดูรายละเอียด ในเมนูเลยหรอ
นี่แสดงให้เห็น ถึงความไม่ใส่ใจหรือ ถึงแม้ไม่มีโปร 5 แถม 1 ก็ยังขอจาน เปล่ามาหนึ่งใบ
แล้วสั่งข้าว 5 จานมา แบ่งกันกินก็ได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่มีใครคิดว่า มาด้วยกัน
จึงไม่เกิดคำว่า เป็นทีมเดียวกัน ทุกคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง
เมื่อเข้ามาอยู่ ในองค์กรก็ ไม่รู้จักการทำงาน เป็นทีม
3 คนที่ไม่เรียนรู้ นอกเหนือจาก 8 ชั่ ว โมง
มีเพื่อนเราคนหนึ่ง ทำงานที่โกดังสินค้า คอยเช็คจำนวนสินค้าในคลัง งานนี้เป็นงานง่ายๆ
ที่เหมือนจะถูกแทน ที่ด้วยหุ่นยนต์ในอนาคต แต่เมื่อทำงานปีแรก เขาก็ค้นพบว่ามีของ
บาง อ ย่ า ง ที่ถูกจัดส่งเป็นจำนวนมาก เขาเริ่มเกิดไอเดียจึงไปค้นหา ข้อมูลต่อและพบว่า
ของบาง อ ย่ า ง ในโกดังนั้นเป็นที่ต้องการ ของตลาดมาก ด้วยความที่อยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว
ทำให้เขามองหาแหล่ง ผลิตที่ต้นทุนถูกได้และเริ่มนำมาลง หน้าเว็ปเพื่อขายออนไลน์
เมื่อเวลา ผ่ า น ไป 3 ปี ธุรกิจของเขา ข ย า ย ตัว อ ย่ า ง รวดเร็ว เข้าปีที่ 7 เขาก็ได้เปิดบริษัท
เป็นของตัวเอง ตลอดระยะเวลา ในการทำงาน สิ่งที่เขาไม่เคยหยุด ทำเลยก็คือ ใช้เวลา
นอกเหนือจาก 8 ชั่ ว โมงในการเรียนรู้ ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่ง การเรียนรู้ความรู้เติบโตขึ้น
ในอัตราที่ก้าวกระโดด เพราะทุกคนมีอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าถึง ความรู้ต่างๆได้ อ ย่ า ง รวดเร็ว
4 คนมองอะไรสั้นๆ ตัดสินแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
หลังเรียนจบ Li Ting และ Tan Si เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชี แห่งหนึ่งด้วยกันหลังหมด
ระยะฝึกงาน บริษัทเสนอให้ไปศึกษา งานที่สำนักงานใหญ่ ที่ต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี
แต่ได้เงินเดือนแค่ครึ่งเดียว ไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ Li Ting รู้สึกว่า เงินเดือนน้อยเกินไป
แถมไม่คุ้นเคยกับ การใช้ชีวิตในต่างแดนด้วย ก็เลยไม่ไปส่วน Tan Si กล้าตัดสินใจ
เลือกไปศึกษางานที่ สำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ ในมุมมองของเธอ เธอคิดว่า
ไปศึกษางาน แถมยังได้เงินเดือน เป็นเรื่องที่คุ้มแสนคุ้ม พอเวลา ผ่ า น ไป 2 ปี
Tan Si กลับมา ที่บริษัทในฐานะ หัวหน้าโครงการคนใหม่ รายได้ 1 ล้านต่อปี
ส่วน Li Ting ยังคงทำงานในตำแหน่ง เดิมเงินเดือนในตอนนี้ ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Si เลยด้วยซ้ำ
5 คนที่ไม่เข้าใจการลงทุนในตัวเอง
เรามักจะได้ยินคำเตื อนว่า อ ย่ า ฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเราเก็บเงินได้ 1 แสนต่อปีภายใน 10 ปี
เก็บได้ 1 ล้าน นี่คือเก่งหรอ คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะคุณใช้เวลาตั้ง 10 ปีถึงจะเก็บเงิน
ได้ 1 ล้าน แต่คนอื่นอาจจะ ใช้เวลาแค่ปีเดียว ในการเก็บเงินหนึ่งล้าน คุณต้องรู้ว่า
จะลงทุนกับตัวเองยังไง ถ้าทุกเดือน คุณเอาเงินส่วนหนึ่งมา ลงทุนกับตัวเองบ้าง
เช่น ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก เพื่อไปเจอธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจในต่างประเทศ
แต่ในบ้านเรายังไม่มี ก็นำไอเดียกลับมาต่อยอด เป็นธุรกิจของตัวเอง เป็นต้น
ขอขอบคุณที่มา the-wayoflife