7 เทคนิค การปรับตัวให้กับที่ทำงานให้ได้ในยุคสมัยนี้
1 เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับองค์กร
กว่าจะ ผ่า ฟั น กับคู่แข่งมาได้ จงบอกตัวเอง ว่าเราก็มีของดีไม่น้อย
การจะเข้ามา ทำงานในองค์กรหนึ่งๆ ทุกบริษัทก็ต้อง ผ่ า น การคัด แล้วคัดอีก
ไม่ใช่ใครก็ได้จริงป่ะ ดังนั้นเมื่อเขาเลือกเราเข้ามาแล้ว จงหมั่นเรียนรู้และปรับตัวเสีย
ไม่ใช่นั่งรอโอกาสเดิน เข้ามาหาเราควรเดินเข้าไป หาโอกาสด้วยการแสดง
ผลงานชิ้น โบว์แดงให้นายเห็นว่า เขาตัดสินใจไม่ผิด ที่เลือกเราเข้ามา เคยมี HR
บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ปฏิเสธรับพนักงานใหม่ เข้าทำงานด้วยเหตุผลที่ว่า
วันสัมภาษณ์งานหนุ่มน้อย คนนั้นถามถึงแต่ประโยชน์ ของตัวเองจะได้รับเมื่อเข้ามา
ทำงานแต่ไม่ได้สนใจ เ นื้ อ งานที่ตัวเองจะทำ และได้แสดงศักยภาพ ของตัวเอง
หากทุกคนคิดแบบนี้ ก็จอดไม่ต้องแจวต่อค่ะ เพราะคุณปิดโอกาส ให้ตัวเองตั้งแต่ประโยคแรก
แล้วว่าจะได้รับ OT เท่าไหร่ หากต้องทำงาน ส-อ โอ้วว อ ย่ า ฆ่ า ตั ว ต า ย ทางออมนะจ้ะ ขอเตือน
2 โฟกัสที่งานไม่ใช่คน
เดี๋ยวนะ มาทำงานค่ะลูกกก ไม่ใช่มานั่งนินทาเจ้านาย ขายเพื่อนร่วมงานไม่ต้องค่ะ
มาทำงานก็ต้องโฟกัส ที่งานทำให้เต็มที่ ถูกมอบหมายงานมาสิบ แต่ทำให้เต็มร้อยไปเลยค่ะ
แล้วผลตอบแทนจะ ตามมาเคยมี ฝ รั่ ง คนหนึ่งถูกเรียก สัมภาษณ์งานเมื่อบริษัท
เปิดโอกาสให้ ถามสิ่งที่เขาถามคือ บริษัทมีการเจริญเติบโต ไปในทิศทางไหน
มีอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเจิดๆ ให้เขาได้แสดงศักยภาพ ของตัวเองหรือไม่
นโยบายบริษัท จะเป็นยังไงอีก 5 ปี ข้างหน้า เขาต้องรู้ข้อมูลประกอบเพื่อ
จะได้งัดศักยภาพ ของตัวเองมาใช้ให้ถูกจุดหาก ให้ข้อมูลเขาครบแล้ว
จึงค่อยตกลง เรื่องเงินเดือน เพราะเขารู้ว่าเขาจะให้ อะไรกับบริษัทได้บ้าง
และผลตอบแทน ที่จะได้รับต้องเหมาะสม เช่นกัน จบปัง ฉลาดเวอร์วัง
คนแบบนี้ ไม่มีทาง ต า ย ค่ะ พูดเลย
3 ขยันให้ถูกจุด
คนขยัน มักไม่เป็นที่มองเห็น ของเจ้านายถึงมีประโยค ที่ว่า ทำงานให้ ต า ย
ก็สู้คน เ ลี ย แข่งขาเจ้านายไม่ได้ และทุกบริษัทไม่มีใครไม่ชอบ คนขยัน
แต่เมื่อเราทำแล้วก็ต้องพูด รู้จักแสดงผลงานของตัวเอง บ้างไม่ใช่ก้มหน้า
ก้มตาทำ จนคนอื่นๆ ข โ ม ย ผลงานไปเรา ก็ยังนิ่งเงียบ เป็นทองไม่รู้ร้อน
นั้นเขาเรียกว่า โ ง่ เ ข ล า ค่ะ ไม่ อ ย าก ให้เพื่อนร่วมงาน สวมเขาบ่อยๆ
จงโชว์ศักยภาพ ด้วยการพูดด้วยค่ะ วาทศิลป์คือสิ่งดีงามทำเยอะ ต้องพูดให้เป็น คือชนะเลิศ
4 การแต่งตัว
เดี๋ยวนี้ คนแต่งตัวเป็นมัก จะได้รับการเชิดชูมากกว่า คนที่แต่งตัวไม่ได้เรื่อง
แม้หน้าไม่ให้แต่แต่งตัว เป็นมีสไตล์เป็นของตัวเองคือ ผ่ า น ค่ะ แม้ไม่มีเงิน
สอยแบรนด์เนมมาใช้ ก็ต้องมีสไตล์ เป็นของตัวเอง เพื่อสร้างการจดจำ
และสร้างภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับตัวเองทำได้ 7 ข้อนี้ก็รอดแล้ว ชีวิตเฟื้องฟู
แน่นอน อะไรคือ การลาออกครั้งสุดท้าย ไม่แคร์ ค่ะ
5 เจ้านาย
คนที่เป็นนายคน มีสิ่งหนึ่ง ที่เหมือนกันทั่วโลกคือ ฉลาดและมีไหวพริบ
เขาจะรู้ว่าใครดี แต่ปากและใครคนจริง แต่นายส่วนใหญ่ เลือกที่จะ
ไม่ ทำ ล า ย คนดีแต่ปาก เพราะคนเหล่านี้ คือหูตาบริษัท ที่พอมีเรื่องเม้าท์
ก็จะถึงหูเจ้านายได้ ทันทีแบบไม่ต้องสงสัย บางทีมีนายหลายคน แต่กว่า
จะไปถึงนายใหญ่ บางทีมนุษย์งาน อ ย่ า ง เราๆ อาจจะโดน กลบรัศมีหมด อ ย่ า ร อ
ให้โดนเรียก จงโชว์ผลงานที่โดดเด่นแล้ว จะเป็นที่รักของนายค่ะ
ไม่ใช่อะไร แต่เพราะเราทำงานได้ ไม่ใช่ดีแต่ปากไงล่ะ
6 เข้าสังคมและ อ ย่ า สร้าง ศั ต รู
ใครๆ ก็ว่าสังคม เพื่อนร่วมงาน ป็นสังคมที่น่าเบื่อหน่าย วันๆ ไม่ค่อย
ทำหรอกงานมา ทำงานมานั่งนินทาคนอื่นๆ พูดถึงละครที่พึ่งดูไป
ร้านอาหารเปิดใหม่ และเที่ยวไหนดี มีชีวิตแบบไฮโซ แต่เงินเดือนโลว์คอร์ท
อันนี้เข้าข่ายรสนิยมสูง แต่รายได้น้อยเมื่อต้องเข้า สังคมร่วมกับเพื่อนร่วมงาน
แบบนี้จงปรับตัวค่ะ อ ย่ า แปลกแยกเพราะจะถูก เ ก ลี ย ด โดยฉับพลัน
มีข้อมูลมาคุย แลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมงานบ้าง แต่ อ ย่ า ทิ้งงานตรงหน้า
งานจบแต่ หน้าที่เข้าสังคม ยังคงดำเนินต่อไปค่ะ อ ย่ าปลีกวิเวก
เพราะเราต้อง ทำงานร่วม กับคนอื่นๆค่ะ
7 Teamwork
ทุกๆ งาน ต้องทำร่วมกับคนอื่นค่ะ ทำคนเดียวไม่ได้ หากคิดว่าทำงานร่วม
กับเพื่อนร่วมงาน คนอื่นไม่ได้ ก็ลาออกไปซะ อ ย่ า อยู่เป็นภาระของคนอื่นๆ
เพราะไม่มีอะไรในโลกนี้ สามารถทำงานคนเดียว ได้เสร็จสมบูรณ์ยกเว้น
ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ ทีมเวิร์คจึงสำคัญมากๆ เพราะเราไม่รู้ว่าวันหนึ่ง
เราอาจจะต้อง ขอความช่วยเหลือ จากโปรแกรมเมอร์ สุดติส ที่โ ค ร ต
จะกวนโอ้ย หรืออาจจะต้องดิวงาน กับครีเอทีฟ ที่ทำตัวน่าทีบสุดๆ ก็เป็นไปได้
หัดทำตัวเองให้น่ารักน่าคบหา เพื่อความอยู่รอดของ ตัวเราเองในอนาคตนะคะ
ขอขอบคุณที่มา s a n o o k, verrysmilejung.