(เรื่องนี้เขียนได้ดีมาก) เขาว่าระยะทางพิสูจน์ม้า การเวลานั้นพิสูจน์คน
ระยะทางเมื่อย าวไกลจะสามารถ รู้ถึงกำลังของม้าว่าเป็น อ ย่ า ง ไร คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนานจะสามารถ เห็นถึงธาตุแท้หรือความจริงใจของเขา ลู่เหย า กับหม่าลี่เป็นพี่น้อง ร่วมสาบานกัน ลู่เหย า มีศักดิ์เป็นพี่เขาแต่งงาน มีครอบครัวแล้ว หม่าลี่
เป็นผู้น้องยังไ ม่ได้แต่งงาน ลู่เหย ามีฐานะย ากจนขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำรวยด้วยเหตุนี้ ลู่เหย าจึงได้ รับการอุดหนุน จุนเจือจากหม่าลี่ เสมอวันหนึ่ง ลู่เหย าบอกหม่าลี่ว่าตนเองต้องการ ไปแสวงโชคต่างเมือง อย ากจะฝากให้หม่าลี่ ช่วยดูแลภรรย า
ให้ หม่าลี่รับปากบอกว่าเขา จะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล ตั้งแต่นั้นมาทุกครึ่งเดือนหม่าลี่ จะสั่งให้คนรับใช้นำของกินของใช้บรรทุก ใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรย าของลู่เหย า ภรรย าของลู่เหย า จึงคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่เล ว ได้รับการโอบอุ้มดูแล
ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับ สามีเสียอีกไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ทำให้นางนึกขอบคุณสามี ที่มีน้องร่วมสาบานที่ดี เช่นนี้ครึ่งปี ผ่ า น ไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรย าของลู่เหย าอีกแล้ว
ครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรย าของลู่เหย า จึงต้องขายข้าวของที่หม่าลี่เคยส่งไปให้ เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุก อ ย่ า ง ถูกขายจนหมด นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเอง เนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมา
ตั้งแต่ เ ด็ ก นางจึงลอง เย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่ กันเป็นประจำขาย อาจเพราะว่า นางมีฝีมือดีหรือชาวบ้ านต่างสงส ารนางก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้ านพากันแ ย่งซื้ อ รองเท้า ของนางจนขายหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูง
เพียงใดก็ ตามพริบตาเดียว ๑๐ ปี ผ่ า น ไปลู่เหย าก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแล ภรรย าของตน และส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่ง ของกินของใช้มาให้ภรรย าของตนอีกเลย
เขาทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไป ทุกอย่ างก็เปลี่ยนไป เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหย า กลับมาจึงส่งคนไปเชิญ มาเลี้ยงต้อนรับ แต่ลู่เหย าปิดประตูไม่รับแขกหม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหย าด้วยตนเองเขาคุกเข่าอยู่
ที่หน้าประตู จนลู่เหย าจำใจต้องไปที่บ้ านของหม่าลี่ ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหย าต่อว่าหม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรย าของตน ซึ่งเปรียบเสมือน พี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปานหม่าลี่จึงพาลู่เหย า เข้าไปที่สวน ด อ ก ไม้หลังบ้ าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่
ห้องหนึ่งออก และเชิญลู่เหย าเข้าไป ลู่เหย าตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นรองเท้า ผ้ากองเต็มห้องไปหมดลู่เหย าเข้าใจทันที เขาจึงก้าว ถอยออกจากประตูด้วยความละอายใจ และก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้ านของหม่าลี่ หม่าลี่รีบเข้าไปพยุง
ให้ลู่เหย าลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้นข้าไม่เคยลืมเลย แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้พี่ใหญ่ จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุน จุนเจือพี่สะใภ้ ด้วยของกินของใช้บริบูรณ์แต่อีกใจก็คิดว่า เมื่อนาง ได้มีกินมีใช้ อ ย่ า ง
สุขสบาย วันๆ ไม่ต้องทำอะไรอาจ เป็นเหตุให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้ ครั้นข้าจะไปดูแลนาง ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหา ให้นางเสียชื่อเสียงแล้วหากท่าน กลับมาข้าจะมาสู้หน้าท่านได้ อ ย่ า ง ไร แต่ก้อน่านับถือที่พี่สะใภ้รู้จักทำมาหากินด้วย
ความสามารถของนางเอง สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้ อ รองเท้าที่นางทำขาย ทุกครั้งไป ลู่เหย าได้ฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก เขายืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นาน สักพักจึงกล่าวประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า ลู่เหย า หนทางไกล รู้ใจหม่าลี่ กำลังของม้า กาลเวลา
พิสูจน์ใจคน คำกล่าว จี น ที่ว่า หนทางไกลพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน จึงได้เผยแพร่สืบต่อกันเรื่อยมา โดยเราใช้คำพรรณานี้มองเห็นว่า การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใคร อ ย่ า ง แท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามา เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
นั่นเอง เมื่อได้อ่ าน แล้วรู้สึกชอบเรื่องราวของลู่เหย า และหม่าลี่ทำให้มาคิดว่า บางครั้งในชีวิต ของคนเรานั้นการจะทำความดี ต้องทำอย่ างอดทน ต้องทำอย่ างลึกซึ้ง ต้องทำ อ ย่ า ง ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนไม่ต้องหวังว่า ทำดีกับคนอื่นแล้วเขาจะต้องดี
ตอบกับเรามิเช่นนั้น เราจะ ทุ ก ข์ ใจหากไม่ได้การตอบแทน ตามที่หวังไว้แม้คนอื่น อาจเข้าใจผิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรเปรียบเสมือน ผู้ที่ปิดทองหลังพระแม้ไม่มีใครมองเห็นแต่ตัว เรามองเห็นตัวเราเอง มองเห็นความดีที่เราทำ แค่นี้เราก็อิ่มเอิบใจ และมีความสุขแล้ว
ขอขอบคุณที่มา F o r w a r d L I N E, verrysmilejung