เทคนิค 5 ข้อ ในการตักเตือนลูกโดยไม่ทำร้ายจิตใจลูก
1 ตำหนิที่การกระทำไม่ใช่ที่ตัวลูก
คุณพ่อคุณแม่ ควรตำหนิ ที่การกระทำของลูก ไม่ใช่ตำหนิที่ตัวลูก ยกตัว อ ย่ า ง เช่น
แม่ไม่ชอบที่ ลูกแกล้งน้อง หรือแม่ไม่ชอบที่ลูก พูดคำหย าบทำให้ลูกรับรู้ว่า
การกระทำนี้ คุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบ ไม่ยอมรับ และจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
ในทางกลับกัน หากคุณพ่อคุณแม่ ตำหนิที่ตัวลูก โดยตรงยกตัว อ ย่ า ง เช่น
ทำไมเป็น เ ด็ ก เกเรแบบนี้ หรือ ลูกแย่มากที่พูดจาแบบนี้ จะส่งผลให้ลูกรู้สึกว่า
ตัวเองไม่เป็น ที่รักของพ่อแม่ เป็น เ ด็ ก ไม่ดี ไม่เห็นคุณค่าในตัวเองท้อแท้
สูญเสียความมั่นใจ และไม่อย ากปรับปรุง ตัวเองต่อไป
2 หลังจากดุแล้วบอกสิ่งที่อย ากให้ลูกทำ
ยกตัว อ ย่ า ง เช่นเมื่อลูกคนโต ลงมือตีน้อง แทนที่คุณพ่อคุณแม่ จะบอกกับลูกว่า
ห้ามตีน้อง ลองบอกทางแก้ปัญหา ให้ลูกเช่น ลูกไม่จำเป็นต้องตีน้องต่อไปนี้
ถ้าน้องทำอะไร ให้ห นูไม่พอใจ ให้มาบอกแม่ เพราะการห้ามลูก โดยไม่บอกวิธี
การแก้ปัญหา เมื่อลูกไม่พอใจ น้องก็จะตีน้องอีก
3 อ ย่ า ดุลูกขณะที่กำลังหงุดหงิด
ลูกจะรู้สึกแย่ กับความหงุดหงิด และอารมณ์โกรธ ของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นหากรู้สึก
หงุดหงิด ควรบอกกับลูกว่า ตอนนี้แม่หงุดหงิด มากเดี๋ยวแม่จะไปทำ อ ย่ า ง อื่นก่อน
หายโกรธแล้วแม่ จะมาคุยเรื่องนี้กับห นูอีกที นอกจากลูกจะไม่ต้องรับ
อารมณ์ของคุณแม่แล้ว ยังได้เรียนรู้วิธีการจัดการ กับความโกรธอีกด้วย
4 รับฟังเหตุผลและถามความคิดเห็นในมุมมองของลูก
อ ย่ า รีบตัดสิน หรือตำหนิลูก โดยที่ไม่เปิดใจรับฟัง คำอธิบายหรือเหตุผลของลูก
เพราะจะทำให้ ลูกต่อต้าน และไม่อย ากอธิบายอะไร ให้คุณฟังอีกแต่ควร
ใช้วิธีพูดคุย ถามลูกว่าถ้าเกิดทำผิดซ้ำ จะให้มีวิธีการตักเตือน หรือลงโทษ
อ ย่ า ง ไร เพื่อให้ลูกคิดถึงผลเสีย วิธีแก้ไขและรับผิดชอบ ในความผิดของตัวเอง
5 ไม่ดุลูกต่อหน้าคนอื่น
เพราะจะทำให้ลูกเสียหน้า ขาดความมั่นใจ รู้สึกอายและรู้สึกว่า พ่อแม่ไม่ให้เกียรติ
นอกจากนี้ยังทำให้ลูกรู้สึกว่า คำสอนของคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีความหมายเพราะลูก
จะไม่เข้าใจ และไม่รับฟังในสิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่พย าย ามสอน
แม้ว่าจะเป็ น คำสอนที่ดี ขนาดไหนก็ตาม
ขอขอบคุณที่มา Th.theasianparent, stand-smiling