Home แนวคิดชีวิต พ่อแม่ควรอ่าน ควรเลี้ยงลูกในแบบคนจน แม้ว่าคุณจะรวยแค่ไหน

พ่อแม่ควรอ่าน ควรเลี้ยงลูกในแบบคนจน แม้ว่าคุณจะรวยแค่ไหน

6 second read
0
746
พ่อแม่ควรอ่าน ควรเลี้ยงลูกในแบบคนจน แม้ว่าคุณจะรวยแค่ไหน

พ่อแม่ควรอ่าน ควรเลี้ยงลูกในแบบคนจน แม้ว่าคุณจะรวยแค่ไหน

ในวันนั้น ผมได้พาลูกไปร้านเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ลูกของผม อ ย า กไ ด้กล่องดินสอ มองหน้าพ่อแล้วบอกว่า อย ากได้แบบนี้แบบนี้ ลูกของผมเลือกแบบหรูหรา แต่ผมให้ซื้อแค่แบบธรรมดาที่ใช้งานได้เหมือนกัน ลูกทำหน้างอทันที

ร้องอ ย ากได้ไม้บรรทัด ก็อย ากได้แบบสวยงามแต่ผมก็ให้เลือกแบบแค่พื้นฐานใช้งานได้เหมือนกันเพียงเท่านั้น ลูกก็ทำหน้าหงิกหน้างอเข้าไปอีก ผมไม่ได้ว่าอะไร ตั้งใจก่อนนอนคืนนี้ จะชี้แนะลูกด้วยการเล่านิทานเปรียบเปรย

ให้เข้าใจหลังจากได้เป็นพ่อคนแล้ว ผมตั้งใจจะเลี้ยงลูกไม่ให้เหมือนแบบที่ชาวเอเชีย เขานิยมทำกันที่มักไม่ยอมให้ลูกลำบาก ดูแลปกป้องแบบไข่ในหิน ประคบประหงมเกินพอดีหลายปีผ่ านไป ผมรู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงลูก ของผมจะลำบากมากขึ้นทุกวัน

จนกระทั้งวันหนึ่ง ผมได้ อ่ า น จดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งที่โพสต์ลงในบอร์ดของมหาวิทย าลัยนานกิง จดหมายจากผู้ใช้นานว่า พ่อผู้ข มขื่ น เขียนถึงลูกเขา ที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทย าลัยนั้น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อลูก จดหมายฉบับนี้

มีคุณค่ามากในสายตาของผม ถึงลูกรักของพ่อแม้ลูกจะทำให้พ่อทุ ก ข์ใจเกินบรรย ายแต่ลูกก็ยังเป็นลูกของ พ่ออยู่วันยังค่ำหลังจากที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทย าลัยได้แล้ว อาจเป็นเพียงคนเดียว ของตระ  ูลเราในรอบหลายชั่ วอายุคน

ที่ทำได้สำเร็จ หลังจากนั้นพ่อชักไม่แน่ใจว่า ตกลงใครเป็นพ่อ และใครเป็นลูกกันแน่ ต่อมลูกหมากของผมลดลง 3 เท่าเมื่อลองทำวิธี รั ก ษ า วิธีนี้ พ่อช่วยแบก สัมภาระไปส่งลูกถึงหอพัก ช่วยกางมุ้ง ปูที่นอนซื้อกับข้าวกับปลา

ต้องสอนแม้กระทั่งวิธีบีบ ย า สี ฟั น ออกจากหลอด ทั้งหลายทั้งปวง ดูเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ที่พ่อสมควรต้องทำให้ ไม่ได้ยินคำว่าขอบคุณสักคำจากลูกตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกด้วยซ้ำว่า เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่ พ่อผู้ด้อยความสามารถ

คนนี้มีโอกาสได้รับใช้ลูกทูนหัว ที่บัดนี้ได้เป็นนักศึกษาผู้ทรงเกียรติ ไปแล้วปีแรกทั้งปี ที่บ้านได้รับจดหมายจากลูกสามฉบับ ข้อความรวมกันแล้วอาจย าวกว่าข้อความในโทรเลขหนึ่งฉบับ สักหน่อยข้อความย่นย่อ ลายมือหวัด อ่ า น ย า ก

มีแต่คำว่า เงิน นี่ตั้งใจเขียนได้ชัดเจนที่สุดพอขึ้นปีที่สอง จดหมายมาแบบถี่ๆ ล้วน ขอเงินเพิ่ม ลีลาการเร่งเร้าให้ส่งเงิน ข้อความที่เรียกร้องความเห็นใจ รับรู้ได้ถึงว่า หากเรียนจบแล้ว ลูกสามารถไปยึดอาชีพเป็นพวกเจ้าหน้าที่

เร่งรัดหนี้สินได้เยี่ยมแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้พ่อ เ จ็ บ ป ว ด ที่สุดนั้น มาจากการที่ลูกอาจหาญถึงขั้นปลอมแปลง ตัวเลขจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิตของมหาวิทย าลัย ไม่คิดว่าลูกจะใช้วิธีนี้ มาหลอกลวงเงินทอง

จากผู้เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิด เลี้ยงดู รักใคร่ลูกมา ตลอดเพียงเพื่ออย ากได้เงินเพิ่ม ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์และร้องคาราโอเกะ คิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็ เ จ็ บ ป ว ด เมื่อนั้น นอนไม่หลับ จนกลายเป็น โ ร ค ซึ ม เ ศ ร้ า สาเหตุก็มาจากลูก

คนที่พ่อเลี้ยงดูด้วยมือจนเติบใหญ่ แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าในร่าง ของนักศึกษาขอภาวนาในใจว่า นอกจากวิชาความรู้ต่างๆ ที่ลูกจะเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาแล้ว ลูกจะกรุณาพัฒนาจิตใจให้เป็นคนซื่อสัตย์

และกตัญญูรู้คุณด้วย ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดหลังจากได้ อ่ า น จดหมายฉบับนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าผมยังต้องเดินหน้าทำตามนโยบายใน การดูแลลูกตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก แม้จะรู้ว่ามันค่อนข้างลำบาก ในสังคมของเรามีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนสมัยเรียนที่ย้ าย

ไปออสเตรเลียกลับมาเยี่ยมบ้าน มีโอกาสได้นั่งคุยกัน เขาเล่าว่า คนออสเตรเลียนอกจากเชื่อถือ ในพระเจ้าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นก็คือ วิธีการเลี้ยงลูกแบบ จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน พวกเขาเชื่อว่า

เ ด็ ก ที่เติบโตขึ้นมาภายใต้ การดูแลปกป้องมากไปของพ่อแม่ เมื่อโตแล้วจะไม่มีปัญญาที่ สามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และก็จะไม่มีวันสำนึกบุญคุณคนอื่นแม้กระทั่งพ่อแม่ ตนก็ตามวันถัดมาเรามีโอกาส ออกไปทำธุระด้วยกัน

เจอฝนระหว่างทางเขาเห็น เ ด็ ก น้อยถูกห่อหุ้มด้วย ผ้านวมอย่ างหนากลมไปหมดทั้งตัวจนดูคล้าย ลูกบอลยัดนุ่น เขาบอกว่า เ ด็ ก ควรจะใส่เสื้อผ้าน้อยกว่าผู้ใหญ่หน่อย เขาเล่าว่าในออสเตรเลีย แม้หน้าหนาวก็จะไม่เห็นเ ด็ ก

ที่ถูกห่อแบบ ลูกบอลยัดนุ่น เหมือนที่เห็น หรือในวันแดดจ้า แม้เ ด็ ก จะนั่งอยู่ในรถเข็น เ ด็ ก แต่คนเป็นแม่ก็จะทำใจแข็ง ไม่ยอมดึงที่บังแดดออกมากันแดดให้ลูก เ ด็ ก ที่วิ่งเล่นแล้วหกล้มเอง พ่อแม่ก็จะยืนดูเฉยๆ ให้ลูกลุกขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง

ต่างๆ นาๆ ล้วน พ ย า ย า ม ให้ลูกฝึกช่วยตัวเอง และอดทนให้มากที่สุดธรรมเนียมของครอบครัว ชาวเอเชีย อ ย่ า ง พวกเรา หลักการที่ยึด ติ ด มานานกับนโยบายที่ว่า จะย า ก จนแค่ไหน ก็ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบาก

สงสัยจะถึงเวลาต้องทบทวน กันใหม่ได้แล้วการเลี้ยงลูกของสัตว์ ทั้งหลายในโลกนี้ ตอนลูกยังเล็กและอ่อนแอ บางชนิด อมลูกไว้ในปาก บางชนิดซุกลูกไว้ใต้ปีก กลัวลูกๆจะไม่ปลอด ภั ย แต่พอลูกเริ่มโต ได้ที่แล้วพวกเขาจะไล่ลูกออกไป

อ ย่ า ง ไร้เยื่อใย ให้ลูกไปเผชิญกับโลกภายนอกเอง ไปฝึกวิท ย า ยุทธเองไปเผชิญปัญหา และมรสุมทุกรูปแบบ แล้วชีวิตจะไม่เจอทางตัน เห็นหรือยังว่าแม้แต่ สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้ถึงหลักการที่ว่า โอ๋ลูกจนไม่ลืมหูลืมตา ก็คือการฆ่ าลูก

แบบเลื อ ดเย็น จะรวยแค่ไหน ก็ต้องเลี้ยงลูกแบบจน ด้วยวิธีนี้จะบังคับให้ลูกๆ ทั้งหลายรู้จักยืนอยู่บนลำแข้งตัวเอง และรู้จักสำนึกและตอบแทนบุญคุณ คนเป็นพ่อ เป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม ถึงแม้คุณจะห่วงด้วยวิธีปกป้อง

หรือโอ๋ลูกขนาดไหนก็ตาม คุณคงไม่มีปัญญาตามไปวุ่นวาย หรือดูแลพวกเขาในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเขา เพราะตอนนั้นคงได้เวลาที่คุณจะได้หลับ ย า ว ไปแล้ว

ขอขอบคุณที่มา ขจรศักดิ์, verrysmilejung

Check Also

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า 1 งานนี้ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบ แม้ไม่ใช่งาน ในค…