Home แนวคิดชีวิต การมีเงินก็ไม่ได้มีความสุขทุกอย่าง ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจ

การมีเงินก็ไม่ได้มีความสุขทุกอย่าง ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจ

8 second read
0
846
การมีเงินก็ไม่ได้มีความสุขทุกอย่าง ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจ

การมีเงินก็ไม่ได้มีความสุขทุก อ ย่ า ง ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจ

ผมบังเอิญได้มาพูดคุย กับคุณตาตัวเล็กๆ ท่านนึง ที่ยืนขายข้าวเหนียว ห มู ทอดอยู่หน้าสะพานรถไฟฟ้า BTS เราคุยกันประมาณ 15 นาที และเป็น 15 นาทีที่เปลี่ยนความคิดเชิงลบของผมไปเลย จริงๆ ผมเคยเห็นแก ขายข้าวเหนียว ห มู ทอด

อยู่ตรงนี้มาเดือนกว่าๆ แล้ว แต่ผมไม่เคยซื้อของแกกินเลย เรียกว่าไม่เคยนึกสนใจแกมาก่อนด้วยซ้ำ จนกระทั่งช่วงที่ผมเริ่มเครียดหนักเข้ามากๆ ตอนนั้นมันเหมือนกับว่า ผม พ ย า ย า ม มองหาคนประเภทเดียวกับผม คือดูแล้ว

น่าจะมีปัญหาชีวิตคล้ายๆ กัน เพื่อมาทดแทนความรู้สึกที่ว่า เราไม่ได้เครียดอยู่คนเดียว ตอนนั้นผมคิดว่าคุณตาแก่ๆ แบบนี้ ทำไมยังมายืนทำงานขายของตากแดด เขาอาจจะมีชีวิตที่แย่เหมือนกับเราก็ได้

แต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็ขัดๆ กันนิดหน่อยตรงที่ แกจะยิ้มแย้มให้ผู้คนที่เดินไปมาตลอด ก็อดคิดไม่ได้ว่าแกอาจจะเป็น คนมีตังค์แต่เบื่ออยู่บ้าน เลยออกมาขายขอ งพูดคุยกับคนอื่นเล่นๆ ตามประสาคนแก่รึเปล่า

และด้วยความ อ ย า ก รู้นี้ ผมจึงเดินเข้าไปหาแก แกจะยิ้มของแก แบบนี้ตลอดเวลามีใครเข้าไปพูดคุย ผมเดินทำทีไปซื้อข้าวเหนียว ห มู ร้านแก ก็เห็นว่าแกทำมาเป็นชุดๆ วางใส่กล่องไม้ใบเล็กๆ มาขาย

หน้ากล่องไม้จะแปะกระดาษ A4 มีข้อความว่า ห มู ทอดชุดละ 30 บาท ก็ลองถามแกเล่นๆ ว่าวันนึงคุณตาทำมาขายเยอะมั๊ยครับ แกยิ้มให้และตอบว่า วันละ 25 ชุด ขายหมดบ้าง ไม่หมดบ้างแล้วแต่วัน ผมคำนวณตัวเลขในใจ 30 บาท

ขาย 25 ชุด ได้ 750 บาทต่อวัน ก็ถามแกว่ากำไรดีมั๊ยครับ แกก็บอกว่าถ้าขายหมดก็ได้กำไรประมาณ 300 บาท แต่ขายไม่ได้หมดทุกวัน เหลือนิดๆ หน่อยๆ และขายเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวัน เ ส า ร์ -อาทิตย์ต้องพัก

ผมสอบถามดูก็รู้ว่าแกอายุ 81 ปีแล้ว ตอนนั้นผมรู้สึกว่าแกยังดูไม่แก่ขนาดนั้น ดูเหมือนแกสุขภาพดี ใบหน้ายิ้มแย้มตลอด ผมบอกว่าคุณตา ยังดูไม่แก่ขนาด 80 กว่าปีเลยนะ เลยถามแกว่าดูแลตัวเองยังไงครับ

คุณตาก็บอกว่า ไม่ได้ทำอะไรหรอก คือถ้าเรามีความสุข เราก็จะสุขภาพดี มันเลยดูไม่ค่อยแก่ เรื่อง ป ว ด เมื่อยตาม ร่างกายมันก็มีเป็นธรรมดา แต่ถ้าใจเราไม่ไปนึกถึงมัน มันก็จะไม่รู้สึก ป ว ด คำพูดของแกตอนนั้ นดังชัดในใจผมมากๆ

เพราะตรงกับสิ่งที่ ผมกำลังต้องการเลย ผมต้องการกำลังใจ ต้องการแนวคิดที่จะช่วย สร้างแรงกายแรงใจให้ตัวเอง ผมเลยหาเรื่องคุยกับแกไปเรื่อยๆ แกก็เล่าประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ให้ฟัง สรุปความได้ว่า ทุกวันนี้แกเช่าบ้าน

คนแถวนี้อยู่ เดือนละ 3,000 บาท ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น คือมียังไงก็อยู่ อ ย่ า ง งั้น ทั้งที่เมื่อก่อนแกเคยมีครอบครัว มีรถมีบ้าน มีหน้าที่การงานมั่นคง แต่ด้วยความที่ ภ ร ร ย า ติ ด การ พ นั น และถูกเจ้าหนี้ยึดทรัพย์สินต่างๆ ไปจนหมด

หลังจากนั้นก็ทะเลาะ และเลิกรากันไปนานแล้ว แกรู้สึกเข็ดกับการมีชีวิตคู่ ก็เลยตัดสินใจใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอด แกบอกว่าทุกวันนี้แกทำงานด้านการกุศล เป็นผู้ตรวจการลูกเสือชาวบ้าน และมีรายได้หลักจาก การขายข้าวเหนียว ห มู

มีคนใจดีให้ทุนแกเริ่มต้นทำ แต่กำไรก็ไม่เยอะ แกทำเท่าที่พอทำไหว เพราะด้วยอายุอานามขนาดนี้ แกขอพอมีพอกิน อยู่รอดก็พอใจแล้ว แกบอกว่าเดือนนึงก็ขายได้กำไรประมาณ 5,000 บาท ผมถามว่าค่าเช่าบ้านก็ 3,000 แล้ว

ตาจะกินพอได้ยังไง แกก็บอกว่าแกกินวันละมื้อเดียว และกินน้ำแทน คุณตาบอกว่า ผมทำแบบนี้เป็นปกติ เพราะผมเคยบวชพระ มาหลายพรรษา ผมกินอยู่แบบพระ กินวันละมื้อก็อยู่ได้แล้ว คนเราถ้ามีความสุขความพอใจ ในสิ่งที่มีมันก็อยู่ได้

ไม่เครียด สุขภาพก็ไม่ได้แย่ เพราะใจมันไม่ ทุ ก ข์ ถามว่ามีเท่านี้แล้วใช้พอไหม ตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่มันอยู่ที่ใจ ถ้าเราพอใจ อยู่ตรงไหนเราก็มีความสุขได้เหมือนกัน สำหรับผม ผมพอแล้ว วันนั้นผมอิ่มมากๆ ครับ

ข้าวเหนียว ห มู นั้นอีกเรื่อง แต่ที่อิ่มมากๆ คืออิ่มสุข อิ่มกำลังใจมากๆ จากที่ผมต้องการหาแนวร่วมของคนมี ทุ ก ข์ แต่ผมกลับได้แนวทาง จากคุณตาแก่ๆ ที่ ผ่ า น ความลำบาก มามากกว่าผม ถ้าพูดกันตามตรงชีวิตแกแย่กว่าผมอีก

แกล้มเหลวกับชีวิตครอบครัว และทุกวันนี้ก็มีรายได้น้อยมาก มันแย่ตรงที่รายได้น้อยแถมยังต้องตื่นตี 4 มาทำของขายตอน 7 โมงเช้า ทั้งๆ ที่วัย อ ย่ า งคุณตาควรจะอยู่บ้านพักผ่อนสบายๆ ได้แล้ว แต่กลับกัน แกดูมีความสุขกว่าผมตั้งเยอะ

จากที่ถามตัวเองมาตลอด ว่าทำยังไงถึงจะหารายได้มากๆ ให้พอกับความต้องการของตัวเอง และครอบครัว ตอนนี้ผมถามตัวเองใหม่แล้ว ว่าทำยังไงถึงจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ ผมคำนวณดูแล้วว่าถ้าผมกินอยู่ง่ายๆ

รายได้ตอนนี้มัน ก็พอกับรายจ่าย แต่เพราะที่ ผ่ า น มาผมคิดแต่ว่า อ ย า กใ ช้ชีวิตแบบที่เคยใช้ กินอะไรก็กิน ซื้ออะไรก็ซื้อ และผมโชคดีที่มีคนรักอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งกันไปไหน วันนั้นผมไม่รู้จะขอบคุณคุณตา ยังไง ทำได้คือซื้อข้าวเหนียว ห มู

คุณตามา 10 กว่าถุง วันนั้นผมจำได้ว่ายกมือไหว้ ขอบคุณแกหลายครั้งมาก และมากจนจำไม่ได้เหมือนกันว่าขอบคุณไปกี่ครั้งเพราะผมคิดว่า ขอบคุณเท่าไหร่ก็ไม่มากพอ กับคำสอนของแกที่ล้างความคิด เชิงลบของผมไปจนหมด หลังจากวันนั้น

ผมก็มักแวะเวียนไป ซื้อของและทักทายแกอยู่เสมอ ผม อ ย า ก เล่าเรื่องที่ผมไปเจอมา เผื่อเพื่อนคนไหนกำลังท้อแท้ จะได้มีกำลังใจและคิดบวกขึ้นมาบ้าง สุดท้ายผม อ ย า ก ให้เรื่องราว ของคุณตา ถูกส่งต่อเป็นกำลังใจ

ให้คนที่กำลังมีความรู้สึกท้อแท้ในชีวิต ได้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ และมีแรงพลังในการดำเนินชีวิตต่อไปเหมือนกับคุณตาคนนี้ครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ถ้าผมพอ ผมก็มีความสุขได้ ณ วันนี้เลย พอเห็นรอยยิ้มอิ่มสุขจากคุณตา ผมเองก็จะต้องยิ้ม ให้ได้แบบนี้เหมือนกัน

ขอขอบคุณที่มา จากเว็บไซต์พันทิพย์ดอทคอม โดยคุณ น้าเดชนะจ๊ะ, aanplearn

Check Also

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า

15 ประโยค เหล่านี้ที่ไม่ควรพูดกับหัวหน้า 1 งานนี้ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบ แม้ไม่ใช่งาน ในค…